รามเกียรติ์ ตอนที่นิยมทำการแสดง
ตอนนางลอย
ทศกัณฐ์ คิดหาทางยุติศึกชิงตัว นางสีดา กับพระราม โดยคิดว่าถ้า พระราม เห็นว่านางสีดา ตายไปแล้วก็คงจะยกทัพกลับไปเอง จึงวางแผนให้ นางเบญกาย ลูกสาวของพิเภก แปลงกายเป็นนางสีดา ทำตายลอยน้ำไปที่หน้ากองทัพพระราม รุ่งเช้า พระราม ตื่นบรรทมพร้อมพระลักษณ์
จึงตรัสชวนพระลักษณ์และเหล่าวานร ไปสรงน้ำริมฝั่งแม่น้ำครั้นเห็น นางเบญกาย แปลง ตายลอยน้ำมา พระรามเข้าใจว่าเป็นนางสีดา จึงวิ่งเข้าอุ้มนางมาบนฝั่ง หนุมาน เกิด เฉลียวใจว่านางสีดานี้อาจเป็นยักษ์แปลงมา เพราะตามร่างกายของศพไม่มีร่องรอยของการถูกทำร้ายและลอยทวนน้ำมาจนถึงหน้าพลับพลาเหมือนจงใจ จึงขอพิสูจน์โดยการนำศพมาเผาไฟ
ถ้าเป็นนางสีดาจริง หนุมานยอมถูกประหารชีวิต พระรามเห็นด้วยจึงสั่งให้ สุครีพ ทำเชิงตะกอนเพื่อเผาศพ เมื่อเชิงตะกอนเสร็จจึงให้นำศพนางสีดามาวางบนเชิงตะกอนแล้วจุดไปเผา โดยเหล่าทหารวานรล้อมไว้ เบญกายครั้นโดนไฟเผาทนร้อนไม่ไหวจึงเหาะขึ้นตามเปลวควันหนีไป หนุมานจึงเหาะขึ้นไปตามจับนางเบญกาย มาถวายพระราม
ที่มา : https://www.komchadluek.net/news/edu-health/263191
นารายณ์ปรานนทุก
นนทกนั่งประจำอยู่ที่บันไดของเขาไกลลาศ โดยมีหน้าที่ล้างเท้าให้แก่เหล่าเทวดาที่มาเข้าเฝ้าพระอิศวร ได้ยื่นเท้าให้ล้างแล้วมักแหย่เย้าหยอกล้อ นนทกอยู่เป็นประจำ ด้วยการลูบหัวบ้าง ถอนผมบ้างจนกระทั่งหังโล้นทั้งศรีษะ นนทกแ้นใจมากแต่ว่าตนเองไม่มีกำลังจะสู้ได้ จึงไปเข้าเฝ้าพระอิศวร แล้วกราบทูลว่า ตนได้ทำงานรับใช้พระองค์มานานถึง 10 ล้านปี ยังไม่เคยได้รับสิ่งตอบแทนใดๆเลย
จึงทูลขอให้นิ้วเพชร มีฤทธฺ์ชี้ผู้ใดก็ให้ผู้นั้นตาย พระอิศวรเห็นว่านนทกปฏิบัติหน้าที่รับใช้พระองค์มานานจึงประทานพรให้ตามที่ขอ ไม่นานนักนนทกก็มีใจกำเริบ เพียงแต่ถูกเทวดามาลูบหัวเล่นเช่นเคย นนทกก็ชี้ให้ตายเป็นจำนวนมาก พระอิศวรทรงทราบก็ทรงกริ้ว
โปรดให้พระนาายณ์ไปปราบ พระนารายณ์ แปลวเป็นนางฟ้ามายั่วยวน นนทกนึกรักจึงเกี่ยวนาง นางแปลงจึงชักชวนให้นนทกรำตามนางก่อนจึงจะรับรัก นนทกรำตามไปจนถึงท่ารำที่ใช้นิ้วเพชรชี้ขาตนเองนนทกก็ลมลง จากนั้นนนทกเห็นนางแปลงร่างเป็นพระนารายณ์ จึงตอบว่า พระนารายณ์ ว่าเอาเปรียบตนเพราะว่าพระนารายณ์มีอำนาจ มีถึง 4 กร แต่ตนมีแค้ 2 มือ และเหตุใดจึงมาทำอุบายหลอกลวงตนอีก พระนารายณ์จึงท้าให้นนทก ไปเกิดใหม่ให้มี 20 มือ
แล้วพระองค์จะตามไปเกิดเป็นมนุษย์มีเพียง 2 มือ ลงไปสู้กัน หลังจากที่พระนารายพูดจบก็ใช้พระแสงตรีตัดศรีษะนนทกแล้วนนทกก็สิ้นใจตาย ชาติต่อมานนทกจึงได้ไปเกิดเป็นทศกรรฐ์ ส่วนพระนารายณ์ก็อวตารลงมาเกิดเป็นพระราม
ที่มา:https://sites.google.com/site/kjhgjjhy/home/khwam-pen-ma-reuxng-ramkeiyrti/neux-reuxng-ramkeiyrti-txn-na-ray-n-prab-n-nthk
จองถนน
การจะบุกไปกรุงลงกานั้นมิใช่เรื่องยากเย็นอะไรสำหรับฝ่ายพระรามที่มีไพร่พลลิงที่มีฤทธิ์เดชมากมาย ทั้งสุครีพ หนุมาน พาลี ฯลฯ เพียงแค่ใช้พลังอิทธิฤทธิ์ก็เหาะไปถึงกรุงลงกาภายในพริบตา หรือมีอีกหลากวิธี เช่น ให้โน้มพระเมรุบรรพตใช้เป็นทาง, วิดน้ำในทะเลให้แห้งข้ามไป, ให้ลิงขยายร่างใหญ่โต นำไพร่พลลิงใส่มือข้ามไป, นิมิตเป็นสำเภาใหญ่ใช้ข้ามไป หรือแม้แต่เอาหางพาดเชื่อมสองฝั่ง ให้ไพร่พลลิงไต่ข้ามไป
แต่ลิงนามว่า ชามพูวราช กราบทูลพระรามว่า การจะทำสิ่งเหล่านั้นไม่สมพระเกียรติยศ สมควรให้ไพร่พลลิงไปขนหินมาทิ้งลงทะเล หรือ “จองถนน” ข้ามไปยังกรุงลงกา ซึ่งพระรามก็ทรงเห็บชอบด้วยกับแผนการนี้พระรามทรงมอบหมายให้สุครีพไปทำการจองถนน สุครีพจึงสั่งให้นิลพัทคุมไพร่พลลิงเมืองชมพู หนุมานคุมไพร่พลลิงเมืองขีดขิน ผลัดกันรับส่งนำหินทิ้งลงทะเลให้เป็นถนนข้ามไปยังกรุงลงกา
แต่นิลพัทกับหนุมานเกิดทะเลาะวิวาทต่อสู้กัน จนเกิดเสียงดังกัมปนาท “พสุธาอากาศไหวหวั่น โพยมพยับอับแสงสุริยัน คลุ้มควันมืดฟ้าธาตรี” พระรามรับสั่งให้พระลักษณ์ไปตรวจสอบดู พบว่านิลพัทกับหนุมานต่อสู้กันจึงนำตัวมาเข้าเฝ้าพระราม
พระรามเมื่อทรงทราบก็กริ้วมาก “ได้ฟังคั่งแค้นแน่นอุรา โกรธาดั่งไฟบรรลัยกาล” รับสั่งว่า ใช้ให้ไปจองถนน แต่เหตุใดต่างตนจึงอวดกล้า กระทำเรื่องไม่กลัวพระราชอาญาเช่นนี้ หากแม้นว่าไม่ติดพันสงคราม จะตัดเศียรประหารชีวิตเสีย
สุครีพกราบทูลขอให้ทรงผ่อนผัน มิให้ลงพระราชอาญาถึงตาย จึงกราบทูลถวายคำแนะนำ พระรามทรงเห็นชอบด้วยคำแนะนำนี้ จึงมีพระบัญชาให้นิลพัทไปรักษาเมืองขีดขิน คอยส่งเสบียงอาหารให้กองทัพทุกเดือน หากไม่จัดส่งเสบียงตามกำหนด “กูจะผลาญให้ม้วยชีวัน” ส่วนหนุมานให้ไปจองถนนให้เสร็จภายใน 7 คืน หากจองถนนไม่เสร็จตามกำหนด “กูจะผลาญชีวีให้วายปราณ” เช่นกัน จากนั้น หนุมานเป็นผู้ควบคุมไพร่พลลิงทั้งหมดไปขนหินเพื่อมาจองถนน
หนุมานจับนางสุพรรณมัจฉา
ไพร่พลลิงนำหินมาวางกองไว้ริมฝั่ง แล้วจึงนำไปทุ่มทิ้งลงไปในทะเล หนุมานทิ้งหินก้อนใหญ่ลงทะเล สร้างเป็นแนวถนนใหญ่ พวกไพร่พลลิงต่างก็โห่ร้องสนั่นหวั่นไหว แล้วการจองถนนก็ดำเนินขึ้น ยักษ์ฝ่ายทศกัณฐ์ที่ลาดตระเวนอยู่นั้น เมื่อเห็นลิง “หาบขนเอาก้อนศิลา มาทอดลงคงคาดั่งห่าฝน” ก็ตกใจรีบกลับกรุงลงกาไปแจ้งข่าว เมื่อทศกัณฐ์ทราบข่าวก็ร้อนใจมิใช่น้อย เกรงว่าหากฝ่ายพระรามจองถนนข้ามมาถึงกรุงลงกาจะเดือดร้อนกันไปทั่วทั้งเมือง จึงวางแผนให้สุพรรณมัจฉาและพวกปลา “ล้างถนนศิลาเสียให้ได้”
สุพรรณมัจฉาและพวกปลาก็ขนหินที่ลิงจองถนนอยู่นั้นไปทิ้ง จนสุครีพเห็นเป็นที่ผิดสังเกตจึงแจ้งแก่หนุมาน หนุมานเองก็บอกว่า ตนก็คิดสงสัยอยู่เช่นกัน จึงว่ายน้ำลงไปตรวจสอบดู ก็พบสุพรรณมัจฉาและพวกปลา หนุมานเจรจากับสุพรรณมัจฉา พูดจาหวาดล้อมและได้เสียกัน จากนั้นสุพรรณมัจฉาจึงสั่งให้พวกปลาขนหินนำมาวางคืนตามแนวถนนดังเดิม
เมื่อจองถนนเสร็จสิ้น สุครีพและหนุมานก็ให้ไพร่พลลิงปรับหน้าถนนให้ราบเรียบด้วยทรายอ่อน ปักกรุย (ตรุย) หรือหลักที่ปักรายไว้เป็นเครื่องหมาย ให้พร้อมสำหรับการเดินทัพ จากนั้น
ที่มา : https://www.silpa-mag.com/culture/article_52517
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น